Key takeaways:
- ถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นหน้าร้อน แต่ก็มีบางช่วงที่สภาพอาการแปรปรวน ทำให้มีฝนตกบ้าง ซึ่งบางคนอาจไม่ได้พกร่มติดกระเป๋าไว้ จนทำให้ต้องตากฝน ซึ่งสิ่งที่ตามมาส่วนใหญ่ก็คือ อาการไม่สบาย มีไข้ หรือเป็นหวัด ทำให้ต้องใช้เวลารักษาตัวนานหลายวัน
- นอกจากไข้หวัดแล้ว การตากฝนยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โรคปอดอักเสบ โรคตาแดง และโรคฉี่หนู เป็นต้น ดังนั้นทุกคนจึงควรรู้เทคนิคการดูแลตัวเองในช่วงหน้าฝน เพื่อลดความเสี่ยงของโรคร้ายต่าง ๆ ที่จะตามมา
ช่วงนี้สภาพอากาศบ้านเรา เดี๋ยวก็ร้อนเดี๋ยวก็ฝน เลยอาจทำให้ใครหลายคนทำตัวไม่ถูกปรับตัวไม่ทัน เพราะบางทีตอนออกจากบ้านแดดยังจ้าอยู่เลย แต่พอเวลาผ่านไปไม่เท่าไรฝนก็ดันตกลงมาซะอย่างงั้น ทำให้บางครั้งเราดันลืมหรือไม่ได้หยิบร่มติดกระเป๋ามาด้วย ซึ่งทำให้เราต้องตากฝนไปโดยปริยาย และพอกลับมาถึงบ้านก็มักจะรู้สึกคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ และจาม จนหลายคนเข้าใจว่าน้ำฝนคือตัวการสำคัญที่ทำให้เป็นหวัด
ภาพ: ป่วยเพราะตากฝน
สาเหตุที่ทำให้ตากฝนแล้วไม่สบาย มีอะไรบ้าง?
1. เชื้อไวรัสในอากาศ
ปกติแล้วเชื้อไวรัสที่ลอยอยู่ในอากาศ จะตกลงสู่พื้นดินและไปเกาะตามฝุ่น สิ่งของ หรือสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แต่พอถึงช่วงก่อนฝนตกจะมีลมพายุพัดไปมา ทำให้เชื้อไวรัสเหล่านั้นฟุ้งกระจายไปในอากาศ และเมื่อเราเดินตากฝน เราก็จะหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าไปในปอด ซึ่งหากได้รับเชื้อในปริมาณมากก็จะทำให้ป่วยเป็นไข้หวัดได้
2. เชื้อไวรัสตามร่างกายและเสื้อผ้า
เมื่อเราตากฝน แน่นอนว่าศีรษะจะต้องเปียกฝน รวมไปถึงเสื้อผ้าและรองเท้าก็จะเปียกและอับชื้นเป็นเวลานาน ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลง อีกทั้งหลังตากฝนก็จะมีเชื้อไวรัสไปเกาะตามใบหน้า และเมื่อเราเอามือมาสัมผัสหน้าสัมผัสหัว ก็จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อไวรัสเข้าไปในโพรงจมูก ซึ่งทำให้เป็นหวัดได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
3. อุณหภูมิร่างกายต่ำลง
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เม็ดฝน สามารถถ่ายเทอุณหภูมิได้ดีกว่าอากาศถึง 2.5 เท่า และเมื่อเราตากฝนจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายต่ำลง ซึ่งอุณหภูมิร่างกายที่ลดลงนั้นเหมาะอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเชื้อหวัดและเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดไข้หวัด
ภาพ: โรคจากการตากฝน
โรคที่มาจากการตากฝน
1. โรคไข้หวัด
โรคไข้หวัดเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส พบได้บ่อยที่สุดในช่วงฤดูฝน ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิดที่ลอยอยู่ในอากาศ และผู้ป่วยส่วนมากมักจะมีอาการไข้ต่ำ ๆ น้ำมูกไหล ไอ และเจ็บคอ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นได้เองภายใน 2-3 วัน
2. โรคปอดอักเสบ
เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง และทำให้ถุงลมปอดเต็มไปด้วยหนองหรือสารคัดหลั่ง ซึ่งส่งผลให้ร่างกายไม่มีประสิทธิภาพในการหายใจ เนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนต่ำลง โดยอาการเบื้องต้นจะมีไข้สูง ตัวร้อน หน้าแดง เหงื่อออก หนาวสั่น ไอ มีเสมหะ เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว หายใจลำบาก หอบเหนื่อย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย รวมไปถึงอาจจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัวและข้อต่าง ๆ ร่วมด้วย
3. โรคตาแดง
เกิดจากการสัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรง อย่างการใช้สิ่งของร่วมกัน รวมถึงการหายใจหรือไอจามรดกัน โดยเชื้อโรคชนิดนี้สามารถแพร่ระบาดตามสถานที่ที่มีผู้คนอยู่รวมกันจำนวนมาก ๆ เช่น รถไฟฟ้า รถโดยสารสาธารณะ โรงพยาบาล หรือโรงเรียน ถือเป็นโรคที่พบเจอในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ โดยอาการของโรคคือ ตาแดง ปวดเบ้าตาเล็กน้อย คันตา เคืองตา น้ำตาไหล เปลือกตาบวม และอาจพบตุ่มเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วไป ในกรณีที่ติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย จะทำให้มีขี้ตามากและลืมตายากในช่วงตื่นนอน
4. โรคฉี่หนู
เกิดจากเชื้อกลุ่ม Leptospira ซึ่งมักพบการระบาดในหน้าฝนหรือช่วงที่มีน้ำท่วมขัง โดยจะมีสัตว์จำพวกฟันแทะ อย่าง หนู เป็นพาหะนำโรค ซึ่งสัตว์พวกนี้จะเก็บเชื้อไว้ที่ไต และเมื่อฉี่ออกมาจะทำให้เชื้อปะปนอยู่ในบริเวณนั้น โดยอาการหลัก ๆ ของโรคนี้ คือ เยื่อบุตาบวมแดง เจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง มีเลือดออกบริเวณต่าง ๆ มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง และมีอาการตัวเหลือง
วิธีดูแลตัวเองในช่วงหน้าฝน
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร จะช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย เพิ่มการไหลเวียนโลหิต และทำให้เซลล์ภายในร่างกายไม่ขาดน้ำ
- ต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ที่สึกหรอ
- ต้องรีบทำให้ร่างกายแห้งทันทีหากเปียกฝน โดยการรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของอาการปอดบวมและโรคผิวหนัง
- เลี่ยงการเข้าพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เพราะเป็นจุดรวมของเชื้อโรค อย่างเชื้อ Leptospira ที่ก่อให้เกิดโรคฉี่หนู รวมถึงพยาธิชนิดต่าง ๆ
- ระวังอย่าให้โดนยุงกัน เพราะช่วงที่ฝนตกบ่อยโรคไข้เลือดออกก็ระบาดง่าย ควรทายากันยุง หรือนอนกางมุ้ง หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่มืดและอับชื้น
- ดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น ชาสมุนไพร เพื่อช่วยต้านการอักเสบ ป้องกันไม่ให้เป็นหวัด คัดจมูก แถมยังช่วยลดน้ำมูกและแก้เจ็บคอได้ด้วย
ภาพ: ใช้ร่มกันเปียกฝน
ไม่อยากเปียก ไม่อยากป่วย ต้องมีร่ม THAICITY UMBRELLA ติดตัวไว้เสมอ
ร่ม คือไอเทมที่ทุกคนควรมีติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา เพราะนอกจากจะเอาไว้กันแดดแล้ว ก็สามารถเอาไว้กันฝนในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจได้อีกด้วย ให้ท่องจำไว้ว่าไม่เปียกก็ไม่ป่วย ซึ่งหากใครไม่อยากพกร่มคันใหญ่ THAICITY UMBRELLA ก็มีร่มพับสองตอน พกพาง่าย น้ำหนักเบา ทำจากวัสดุที่ทนทานแข็งแรง ใช้ป้องกันได้ทั้งแดดและฝน สามารถกันรังสี UV ได้มากถึง 99% เลยทีเดียว แค่มีร่มดี ๆ ติดกระเป๋าไว้ก็รู้สึกอุ่นใจ ไม่ว่าจะไปไหนก็ไม่ต้องกลัวร้อนกลัวเปียก พร้อมช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นหวัดได้อีกด้วย
ภาพ: ร่มกันฝน
เพราะร่มคือไอเทมจำเป็นที่ควรมีติดตัวไว้ในทุกสถานการณ์ และการเลือกใช้ร่มอย่างฉลาดและคุ้มค่าจะต้องเลือกร่มคุณภาพสูง ดีไซน์สวย แข็งแรงทนทาน และใช้งานได้นาน แน่นอนว่า THAICITY UMBRELLA ตอบโจทย์ในทุกด้าน เพราะเราเป็นโรงงานผลิตร่มและขายส่งร่มคุณภาพดี ใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต หากลูกค้าท่านใดสนใจทางเรามีทีมงานมืออาชีพที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกคน โดยมีจำหน่ายทั้งร่มพับ ร่มตอนเดียว ร่มกอล์ฟ และร่มสนาม
ดูรายละเอียดร่ม THAICITY UMBRELLA เพิ่มเติม
“ความซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา ฉับไว ใส่ใจบริการ”